โควิด 19 กับศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากไร้

12 มิ.ย. 2564

อุดมสาร ปีที่ 45 ฉบับที่ 25 ประจำวันที่ 13-19 มิถุนายน 2021 (csct.or.th)

จากใจเจ้าหน้าที่

มีหลายอารมณ์ หลายความรู้สึก หลายสิ่งหลายอย่างตีกันอยู่ในหัว ตั้งแต่ได้รับข้อมูลการแจ้งผล ผสอ.ติดเชื้อโควิด-19 ความคิดแรก จะทำไงต่อดี? ตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง และสังคม พอทราบข่าวแล้ว สายเรียกเข้าโทรศัพท์ ทุกช่องทางการติดต่อไม่ว่างเลย หลายคนโทรหามีคำถามหลายคำถามแตกต่างออกไป ผลออกแล้วรู้ยัง? ติดได้ไง? ใครนำมาเชื้อมา? ทำไงต่อ? ติดเชื้อมั้ย?  แต่ไม่มีประโยคไหนแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจ (ไม่เป็นไรนะ! สู้ๆนะ!)

หลังจากนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทุกคนให้ความสำคัญ หน่วยงานไหนที่ไม่เคยเห็นหน้า ก็ได้รู้จักในสถานการณ์นี้ ทั้งทีมแพทย์ในพื้นที่ กรมการปกครอง สาธารณสุข พร้อมใจกันเข้าพบผู้บริหาร เยี่ยมเยียนคุณตาคุณยาย และเจ้าหน้าที่ คุณตาคุณยายเกิดอาการงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ช่วยกันป้องกันแจกหน้ากากอนามัยให้คุณตาคุณยายใส่ ทีมแพทย์ รพ.ศรีมโหสถเข้าทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับ สมาชิกนักบวช เจ้าหน้าที่ และคุณตาคุณยายทันที และสั่งงด เข้า-ออกศูนย์คามิลเลียนฯ และทุกท่านที่อยู่ภายในศูนย์ฯ สมาชิกต้องทำการกักตัวทันที และภาพเดิมๆก็กลับเข้ามา จะทำยังไง จะต้องเก็บของมาอยู่ที่ศูนย์ บางคนมีครอบครัว พ่อแม่ ลูกหลาน ต้องดูแล เจ้าหน้าที่บางท่านถึงกับเข่าอ่อนและน้ำตาไหล บางท่านแข็งแกร่ง บางท่านต้องจำเป็นที่จะเข้มแข็งเพื่ออีกหลายๆชีวิต แต่ทุกท่านยังดำเนินงานและทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

ตลอดทั้งวันนั้นเราจะอยู่กับความตื่นเต้นและตึงเครียดทั้งวันถึงเวลานอนก็ข่มตานอนไม่หลับ ลุ้นกับการรอผลตรวจในวันรุ่งขึ้น เช้าวันรุ่งขึ้นได้แต่มองหน้ากันแต่ไม่มีเสียงพูดอะไร ได้แต่มองตาก็รู้ว่าความรู้สึกของแต่ละคนเป็นยังไง ช่วงเช้าเฝ้ารอเสียงโทรศัพท์จากหมอด้วยความตื่นเต้น หมอโทรมาแจ้งผลเรื่อยๆ ชื่อ ผสอ. เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ รายชื่อมาเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่เริ่มมองหน้ากันและเงียบลง ทั้งศูนย์ฯ เงียบสงบ ได้ยินแต่เสียงนกและเสียงใบไม้ แต่ละคนได้แต่เฝ้ารอผลของตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง ต่างโทรมาให้กำลังใจ ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นเยอะ มองไปที่ ผสอ. คุณพ่อ บราเดอร์ พี่น้องเจ้าหน้าที่ และสติทั้งหมดก็กลับมา เราจะมานั่งฟูมฟายไม่ได้ ถ้าวันนี้เราจะต้องเสี่ยง เราไม่ได้เสี่ยงตัวคนเดียว ยังมีอีกหลายชีวิตร่วมสู้ไปกับเรา เราต้องเป็นหลักและเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน เจ้าหน้าที่ ที่อายุเยอะ มีโรคประจำตัว ก็เป็นกังวล เราได้แต่ให้กำลังใจและพูดประโยคนึงออกไปว่า พี่ๆไม่ต้องกังวล ไม่แน่คนที่ดูแข็งแรงแบบหนู อาจจะติดเชื้อและตายก่อนพวกพี่ก็ได้ เรามาสู้ไปพร้อมๆกันเถอะนะ อย่างน้อยถ้าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแต่เราได้ทำเพื่อส่วนรวมเต็มที่แล้ว เราจะไม่เสียดายและเสียใจเลย ทุกคนก็ยิ้มให้กันและมีกำลังใจ

ผลตรวจออกมามี ผสอ. ติดเชื้อ 10 คน เจ้าหน้าที่ 1 คน ที่เหลือผลเป็นลบ ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอกและกลับมายิ้มได้ แต่ก็ต้องมีแบ่งโซนเจ้าหน้าที่กักตัว มีโซนเจ้าหน้าที่และผสอ. เสี่ยงสูงต้องกักตัวห้ามออกไปไหน ทำให้เราต้องเสียกำลังเจ้าหน้าที่ไปจำนวนนึง มีโซนเจ้าหน้าที่และผสอ.เสี่ยงต่ำ ห้ามออกไปไหน อยู่ในอาคารรวมกัน และโซน ผสอ. ตามบ้านพัก มีคุณพ่อ บราเดอร์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนแผนกต่างๆ ต้องทำงานอยู่ด้านนอกบริเวณโซนกักตัวเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ ทุกท่านต่างทำหน้าที่ของตัวเองและทำอย่างหนักและต่อเนื่องแบบแทบไม่มีเวลาหยุดพัก ทุกอย่างต้องป้องกันและเฝ้าระวัง ทำให้เราทุกคนตื่นตัวอยู่ตลอด

แต่ในช่วงสถานการณ์เลวร้ายนี้ ยังมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมาย เมื่อหลายชีวิตเริ่มต้องกักตัวอยู่ในโซนของตัวเอง อีกไม่กี่ชีวิตด้านนอกต้องทำงานมากขึ้น บางคนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ บางคนได้ใช้สิ่งที่ตัวเองมีพรสวรรค์ติดตัวมาให้เกิดประโยชน์และใช้ได้จริงในสถานที่จริง สำหรับตัวเราคิดว่า มันเป็นสิ่งที่ดี ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะเหนื่อยมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่เข้าสู่สถานการณ์เลวร้ายนี้มา ไม่มีวันไหนที่นอนหลับได้เลยสักวัน มีเรื่องอื่นๆ มากระทบจิตใจทำให้เราอ่อนแอในตอนนั้น บางคืนแรกๆนอนร้องไห้ แต่เช้ามาต้องรู้ตัวเองว่าเราต้องทำอะไรก่อน อะไรสำคัญ จะมานั่งนึกถึงแต่ความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ต้องนึกถึงคุณตาคุณยาย คุณพ่อ บราเดอร์ และพี่น้องเจ้าหน้าที่ ที่กำลังทำงานอย่างหนัก มันทำให้เรามีพละกำลังขึ้นมาในทุกๆเช้าวันใหม่ ได้เห็นความสามัคคีปรองดองของพี่น้องเจ้าหน้าที่ ได้เห็นคุณพ่อบราเดอร์ทำงานหนักจนเหงื่อตก แต่ไม่มีท่านไหนบ่นหรือโทษโชคชะตา แต่กลับช่วยกันทำช่วยกันแก้ปัญหา

หนูรู้สึกภูมิใจและดีใจมากค่ะ ที่ได้อยู่ในสนามเรียนรู้นี้มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่หาเรียนที่ไหนไม่ได้ ทุกๆครั้งเราจะออกไปช่วยเหลือสังคมด้านนอก ผสอ.ในชุมชนที่ยากไร้ แต่วันนี้ทุกๆท่านที่อยู่ด้านนอก ยื่นมือกลับมาช่วยเราที่อยู่ภายในศูนย์ฯ ทุกครั้งที่ออกไปรับของบริจาคหน้าประตู ยืนมองบุคคลด้านนอกด้วยน้ำตา เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากใจด้วยความสุขที่ได้รับความช่วยเหลือจากทุกๆท่าน ไม่มีใครทอดทิ้งเรา ทำให้เราลืมเรื่องราว ลืมคำถามที่มันเคยทำร้ายใจเรา ทุกคนเป็นพลังบวกให้เราทุกคนในศูนย์ฯ หนูคิดเสมอว่าเรายังตายไม่ได้ ยังมีอีกหลายชีวิตที่เรายังต้องไปช่วยเหลือเค้าอยู่ ขอขอบคุณทุกๆท่าน ทุกๆการช่วยเหลือ ไม่รู้จะหาคำไหนมาขอบคุณ ที่ยิ่งใหญ่กว่าคำว่าขอบคุณ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านค่ะ (CreamCupCake)